ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ คือ ลองมองไปรอบๆตัว ค่อยๆมอง ค่อยๆ...ไม่ได้ให้มองหาผี...ปัดโธ่!!! คือ มองหาว่ามีใครอยู่ใกล้ๆบ้าง ถ้าบังเอิญมี เขยิบเข้าไปใกล้ๆเขาเลย ค่อยๆนะ ค่อยๆถามเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ถ้าให้ดีควรจะทำเสียงสั่น หรือ เสียงกระเส่าสักเล็กน้อย ด้วยคำถามที่ว่า "ผีมีจริงมั้ยว่ะ" พอคนโดนถามเขาหันมาสบตา เราก็มองที่ตาเขา สลับกับการมองไปรอบๆอย่างช้าๆเพื่อบิ้วอารมณ์ให้เข้ากับบรรยากาศแบบผีๆ....รับรอง ถ้าสิ่งแวดล้อมรอบตัวค่อนข้างเงียบและเป็นใจพอสมควร ต้องมีขนลุกบ้างเชื่อเถอะ คริคริ...เมื่อถามหนึ่งคนได้ ก็ต้องถาม สอง สาม สี่....ได้เหมือนกัน เชื่อม่ะ จะได้คำตอบที่หลากหลาย...ไอ้คนที่กลัวผีอ่ะนะมักจะปากเก่งในที่สาธารณะเมื่อมีคนหมู่มาก แล้วจะพูดว่า "ผีไม่มีจริงหรอกฟร่ะ" เขาเอาไว้หลอกเด็ก แต่ขอโทษนะ เวลามันอยู่คนเดียว ถึงกับหงอย...ขนลุกประจำ เหมือนคนปวดท้องจะคลอดกากอาหารที่ร่างกายไม่ต้องการแล้วออกมา...555 เรากลับมาที่คำตอบ...แน่นอนว่าคำตอบที่ได้จะมีทั้งเชื่อ และไม่เชื่อว่า ผีมีอยู่จริง...แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียนขอเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในฝั่งของผู้ที่ตอบว่า "ผีมีจริงว่ะ" ...
นานมาแล้วเหมือนกัน คงประมาณ 20 ปีล่วงมาเห็นจะได้ ตอนเช้ามืดในคืนวันหนึ่งประมาณสัก ตี 4 ได้มั้งตอนนั้นรู้สึกตัวเหมือนมีใครสักคนมานอนอยู่ข้างหลังเนื่องจากตอนนั้นผมนอนตะแคงขวาอยู่...เฮ้ย ใครมานอนอยู่ข้างหลัง แถมหายใจรดต้นคอเราอีก (ตอนนั้นนึกในใจ) แต่สมองก็ค่อยๆเริ่มทบทวน แล้วมันจะมีใครได้ยังไงว่ะ นี่มันห้องนอนตรูเอง ปกติก็นอนคนเดียวอยู่แล้ว ไม่ทันที่ความคิดต่างๆจะจางหายไป เสียงลมหายใจเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ฟื๊ด ๆ ๆ...เอาล่ะซิ ตอนนั้นยอมรับเลยครับว่า ไม่กล้าลืมตาแล้วหันกลับไปมองว่าสิ่งที่เรารู้สึกได้ มันเป็นอะไรกันแน่ ถ้าเป็นคุณผู้อ่าน จะทำยังไง?...ในเมื่อผมทำอะไรที่มากกว่านั้นไม่ได้จึงพยายามข่มตาให้หลับ ในใจก็คิดว่า ไอ้เจ้าสิ่งนั้นจะเรียกมันว่าอะไรก็ตามหอะ คงจะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้กระมัง ถ้ามันทำได้ คงทำไปนานแล้ว จึงรวบรวมสติทั้งหมด หลับต่อไป...หลังจากผ่านคืนที่สยองที่สุดในชีวิตก็เก็บเอาไปเล่าให้คุณป้าท่านหนึ่งฟัง คำตอบที่ได้...ผมเจอเข้ากับ "ผีตายโหง!!" เท่านั้นล่ะ ขนลุกไปทั้งตัวตั้งแต่ปลายเท้าจรดหนังศีรษะ...หลังจากครั้งนั้นก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้อีกเลย จนกระทั่งเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ในตลอดระยะเวลา 2-3 เดือน ไม่คืนวันโกน ก็คืนวันพระ จะเกิดปรากฏการณ์บางอย่างกับผม หรือที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า "ผีอำ" มีใครเคยโดนมั้ย แบบที่ว่า ขนลุกไปทั้งตัว ครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนใครมาทับร่าง อึดอัด หายใจไม่ออก กระดุกกระดิกตัวไม่ได้....ในทางวิทยาศาสตร์เขาก็บอกทำนองว่า จิตมันตื่น แต่ร่างกายเรามันยังไม่ตื่น ก็ว่ากันไป... แต่สำหรับตัวผม อย่างที่บอก ทุกคืนวันโกน หรือไม่ก็คืนวันพระผมจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ แล้วทำไมจะต้องเจาะจงกับ 2 วันนี้ล่ะ ทำไมวันอื่นไม่เป็น ก็เลยมานั่งคิด ที่โบราณเขาว่าเอาไว้ จะมีปล่อยผีกันวันโกน วันพระ...บรื๋อออ!!!!...ต้องใช่แน่ๆ...ช่วงก่อนที่ตัวผมจะพบกับเหตุการณ์ประหลาดนี้ ผมไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิเป็นประจำ ครั้งล่ะนานๆ แล้วก็ฟังธรรม อ่านหนังสือธรรมะ จิตแทบไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น มันจะทรงในอารมณ์ธรรม ซะเป็นส่วนใหญ่ คิด คิด คิด อยู่นั่นว่าอยากจะอ่านธรรมะเรื่องอะไร แล้วก็ไปค้นคว้ามานั่งอ่าน มาฟัง...อ่านมาถึงตรงนี้ งงมั้ย? แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับผี...ถ้าถามผม ผมต้องตอบว่าเกี่ยว ต้องเกี่ยวแน่ๆแบบไม่ต้องสงสัย เพราะผมเจอมากับตัวเอง ในตอนนั้นสิ่งที่ผมทำ ทาน ศีล ภาวนา มาครบ และก็ทำได้เป็นอย่างดีพอสมควร จิตมันทรงอยู่ในอารมณ์ด้านบวก พูดง่ายๆแบบนี้ล่ะนะ แล้วแสงแห่งบุญที่ทำ จะเปล่งประกายออกมา เมื่อถึงวันโกน วันพระ ผีต่างๆเหล่านี้แหละ เขาเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ เขาจะรู้ เพราะแสงบุญเป็นทิพย์ แล้วผีต่างๆก็อยู่ในโลกทิพย์ ก็เลยเห็นกัน แน่นอนเขาต้องมาหาคนที่เขาคิดว่าจะช่วยเขาได้ ซึ่งในตอนนั้นก็เป็นผมนั่นเอง...ในครั้งแรกๆก็รู้สึกกลัวนะครับ ผมจำได้แม่น ในช่วงก่อนที่เขาจะอำ(ผีต้องการติดต่อกับเราอ่ะ...ผมคิดเอาเองนะ) แต่เนื่องจากว่าเขาไม่ใช่คน อยู่ดีๆจะเดินมาขอนั่นขอนี่ คงเป็นไปไม่ได้ แล้วการที่เขาต้องการจะติดต่อเราล่ะ จะทำไง ข้อนี้ผมก็ไม่รู้หรอก เพราะผมไม่ใช่ผี แต่ก็เดาๆเอาจากประสบการณ์ นั่นคือ ครึ่งหลับครึ่งตื่น เพราะตอนนั้น สติเราไม่ครบ 100% ผีทั้งหลายจึงแฝงมาสื่อสารกับคนได้...เหตุการณ์ตอนนั้นเหมือนกับที่ผมเล่าที่ตอนนอนมีคนมาหายใจรดต้นคอ แต่คราวนี้ มาแบบเห็นๆ แต่มันเห็นทางจิต เพราะไม่ได้ลืมตา...ในตอนนั้นจิตมันตื่นขึ้นเพราะรู้สึกว่ามีใครสักคนจ้องมาที่เราโดยการเดินเข้ามาหาแล้วก็วน ในจังหวะหนึ่งนั้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไร ขนของผมก็ลุกไปทั้งตัวแล้วก็ขยับร่างกายอะไรไม่ได้...แน่นอน ผมอายุปูนนี้แล้ว คิดออก...กูโดนเข้าแล้ว!!!!...ผีอำแน่ๆ...ไม่คิดอะไรมาก ว่าคาถาชินบัญชรใส่เลยงั้น...แปบเดียวผีโดดหนีทะลุกำแพงไปเลย...พอตอนเช้าก็มานั่งคิด แล้วอยู่ดีๆก็นึกได้ว่า ทำไมเราถึงไปสวดคาถาเพื่อไล่เขาล่ะ สมองคิดไปเรื่อยเลยนะ ผีพวกนี้คงเดือดร้อนเขาคงไม่มาร้ายมั้ง...สมองมันคิดไม่หยุด...เอาไว้ต่อภาค 2 ดีก่า เดี๋ยวมันจะยาวไปนะ อิอิ...
นำเสนอโดย :
เพลิดเพลินดีนะค่ะ
ตอบลบขอบคุณครับ
ลบ