จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หนีนรก!...กันเถอะ ด้วยการเป็น "พระโสดาบัน"

คงเคยได้ยินกันมาบ้างทั้งที่ตั้งใจจะได้ยิน และการได้ยินในแบบผ่านๆ มีคนจำนวนมากมายที่ยังคงสับสนระหว่างคำว่า "โสดาบัน" กับ "อรหันต์" แม้แต่ผู้เขียนเองในเมื่อครั้งหนึ่งก็ยังเคย แต่จากการค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการอ่าน การฟัง ก็เลยทำให้เข้าใจและสามารถแยกแยะออกถึงระดับความเป็น "อริยบุคคล" ได้...คำว่า อริยบุคคล แปลว่า บุคคลผู้ประเสริฐ หรือเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ นั่นหมายความว่าบุคคลผู้ใดที่ก้าวเข้าถึง ความเป็น อริยะ คือบุคคลนั้นนับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีวันที่จะตกนรกอีกแล้ว

คน...เกิดมาเพราะบุญเก่าเกื้อหนุนจึงสามารถเกิดเป็นคนได้ และเมื่อมีโอกาสที่ดีเช่นนี้แล้วจึงควรเร่งสร้างบารมีต่อไปเพื่อก้าวให้หลุดพ้นจากการที่ต้อง เวียน ว่าย ตาย เกิด ไม่รู้จักจบจักสิ้น สำหรับการที่จะหยุดภพชาติให้ได้นั้น คนเราทุกคนต้องกระทำให้จิตของตน ๆ นั้น หยั่งถึงความเป็นอริยบุคคลเสียก่อน ดังนั้นผู้เขียนจึงขอสรุประดับขั้นของความเป็นอริยบุคคลเพื่อให้ผู้อ่านได้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้น แล้วไปต่อยอดความอยากรู้ด้วยการค้นคว้าหารายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง

อริยบุคคล แบ่งตามประเภทบุคคล ได้ทั้งหมด 4 ประเภท

1.อริยบุคคลระดับต้น เรียกว่า "พระโสดาบัน"
2.อริยบุคคลระดับที่ 2 เรียกว่า "พระสกิทาคามี"
3.อริยบุคคลระดับที่ 3 เรียกว่า "พระอนาคามี"
4.อริยบุคคลระดับสูงสุด เรียกว่า "พระอรหันต์"

สำหรับบทความนี้ ผู้เขียนต้องการเชิญชวนผู้ที่สนใจการหนีนรกด้วยการก้าวไปให้ถึงการเป็น "พระโสดาบัน" ซึ่งเป็น อริยบุคคลระดับต้น คงน่าจะเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงกับ ฆราวาส เช่นเราๆทั้งหลาย ดังนั้นเราจึงควรมารู้จักกันเสียก่อนว่า รูปร่างหน้าตา หรือ การประพฤติปฏิบัติเพื่อก้าวไปให้ถึง พระโสดาบันต้องทำอย่างไรบ้าง







พระโสดาบันมีปัญญาเพียงเล็กน้อย ระลึกรู้แค่ว่าวันหนึ่งจะต้องตายเท่านั้น ยังไม่สามารถจะจำแนกแยกร่างกาย ว่าไม่ใช่เรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เพราะพระโสดาบันยังมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเราเป็นของเรา แต่ทว่ามีความรู้สึกที่ว่าสิ่งทั้งหลายที่เป็นเรา เป็นของเรานี้ เมื่อตายแล้ว เราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาครอบครอง หรือว่า แม้ยังไม่ตาย สักวันหนึ่งข้างหน้ามันก็ต้องสลายตัวไปอยู่ดี

พระโสดาบัน ไม่สงสัยในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น ศีล ทั้ง 5 ข้อ พระโสดาบันจะไม่กระทำการใดอันละเมิดต่อศีลทั้ง 5 ข้อนี้เด็ดขาด แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต และพระโสดาบันยังมีความเคารพและเชื่อมั่นในคุณของพระรัตนตรัยอย่างหนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลง 

บุคคลใคที่พึงจะก้าวเข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน ตามที่ผู้เขียนได้ค้นคว้าและจดจำจากคำสอนของพระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ได้ความว่า จะต้องทรงพรหมวิหาร 4 ให้ได้เป็นปกติ เมื่อจิตทรงอยู่ใน พรหมวิหาร 4 อย่างเป็นปกติแล้ว ก็จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ศีลนั้นบริสุทธิ์ไปด้วย เพราะการเจริญพรหมวิหาร 4 ทำให้ระงับโทสะ และพยาบาท ทำให้โทสะ และพยาบาท คลายตัว นอกจากนี้ก็ยังทำให้เป็นคนใจดี พอใจในการให้ทาน แล้วก็ทานตัวนี้แหละที่จะเป็นปัจจัยในการตัดโลภะ คือ ความโลภ เพื่อให้จิตใจของท่านที่กำลังจะก้าวถึง หรือถึงแล้วซึ่งความเป็น พระโสดาบัน มีอารมณ์จิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีคววามโลภในการปรารถนาที่จะไปยื้อแย่งเขา พอใจในการหาทรัพย์ได้ด้วยสัมมาอาชีวะ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ผู้เขียนขอสรุปสั้นๆ เพื่อเป็นการปิดท้ายของบทความนี้ว่า...ความสำคัญของบุคคลใดๆที่ปรารถนาจะหนีนรกให้ได้เป็นการถาวร สิ่งสำคัญที่สุด อยู่ที่การรักษาศีลทั้ง 5 ข้อ ให้บริสุทธิ์ ไม่ให้ขาดทะลุเป็นรูโหว่ เพราะความสำคัญของพระโสดาบัน คือ ศีลต้องมั่น ในแบบที่ว่า...ยอมตาย ดีกว่าศีลขาด...นั่นแล !!!!...สวัสดี...

บทความจาก :


2 ความคิดเห็น: