จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

กุศลกรรมบถ10...รหัสปิดนรก...!!!

          กุศลกรรมบถ10...หรือจะเรียกให้สั้นหน่อยในแบบที่มีความคุ้นเคยกันดี คือ กรรมบถ 10...ความหมายโดยสรุปของ กรรมบถ10 ก็คือ..."หนทางแห่งความดี เพียบพร้อมไปด้วยบุญกุศล ที่สามารถนำพาให้ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ ไม่ตกไปในที่ต่ำ" โดยนัยก็หมายถึงการปิดนรกเป็นการถาวร เพราะบุญกุศลจากความดีที่ได้ปฏิบัติ...คือรหัสที่จะฝังอยู่ในดวงจิตตลอดกาลนาน รหัสแห่งคุณงามความดีนี้ จะนำพาดวงจิตให้สูงยิ่งๆขึ้นไป ไม่อาจไหลลงสู่ที่ต่ำได้...เหมือนกับครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านได้มีเมตตาสอนเอาไว้ว่า "ถึงแม้ว่าจะทรงสมาธิไม่ได้นาน ตามที่เรียกว่า 'ขณิกสมาธิ' แต่ถ้าสามารถทรง กรรมบถ10 ประการได้ครบถ้วน...เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ บาปที่ได้ทำไว้ตั้งแต่สมัยใดก็ตาม ไม่มีโอกาสนำไปลงโทษในอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น อีกต่อไป"...ใครที่รู้แล้ว ปฏิบัติแล้ว ผู้เขียนก็ขออนุโมทนาในบุญของท่านทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ด้วย...สำหรับท่านใดที่เคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง แต่ก็จำไม่ได้ว่า กรรมบถ ทั้ง 10 ข้อ มีอะไรบ้าง...ติดตามอ่านได้จากบทความนี้เลยครับ...
กรรมบถ10 : ตามตำราท่านว่า แบ่งออกไปเป็น 3 หมวด คือ
          กายกรรม 3 คือ ความประพฤติที่จะแสดงออกทางกาย
               - ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียน หรือทรมานสัตว์ให้ได้รับความลำบาก ผู้ปฏิบัติต้องทรงไว้ซึ่งความเมตตา กรุณา
               - ไม่ลักทรัพย์ คือ ไม่หยิบฉวย ไม่ถือเอาทรัพย์ของผู้อื่นที่เขาไม่ได้ให้ด้วยความเต็มใจ เอามาเป็นสมบัติของตน
               - ไม่่เล่นชู้ในบุตร ภรรยา และสามีของผู้อื่น...สำหรับข้อนี้ หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่าน เพิ่มให้อีกนิด ตรงที่ว่า ไม่ดื่มสุราและเมรัย ที่ทำให้ขาดสติ
          วจีกรรม 4 คือ ความประพฤติที่จะแสดงออกทางวาจา
               - ไม่พูดจาที่ไม่ตรงความเป็นจริง คือ ไม่กล่าวคำเท็จ โกหก หรือ หลอกลวง
               - ไม่พูดจาหยาบคายอันไม่เหมาะสม ให้สะเทือนใจผู้รับฟัง ไม่ว่าจะต่อหน้า หรือลับหลัง
               - ไม่พูดส่อเสียดยุให้รำตำให้รั่ว ทำให้ผู้อื่นแตกร้าว ขาดความสามัคคีกัน
               - ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล คือ จงพูดแต่เรื่องอันเป็นสาระ และมีประโยชน์ พูดในสิ่งที่จำเป็นตามกาลเทศะ
          มโนกรรม 3  คือ ความคิดที่เกิดขึ้นในใจ
               - ไม่อยากได้ของๆใคร ที่เจ้าของเขามิได้ยกให้ เอามาเป็นของตน
               - ไม่คิดประทุษร้ายใคร ไม่พยาบาทจองล้างจองผลาญ เพื่อทำร้ายใคร
               - เชื่อพระพุทธเจ้า เชื่อในเรื่องบุญ บาป โดยปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ด้วยดี
ดังนั้นจะเห็นว่า เมื่อรวม ทั้งหมดเข้าด้วยกัน กายกรรม3 วจีกรรม4 มโนกรรม3 จึงเป็น กรรมบถ10 นั่นเอง

http://dharmaishere.blogspot.com
ผู้เขียนขอเพิ่มเติมในส่วนของอานิสงส์ของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ กรรมบถ10 ว่ามีอะไรบ้าง ตามพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ในหนังสือ "รวมคำสอน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน"...
โดยสรุป...อานิสงส์กรรมบถ10...
          อันที่จริงแล้ว กรรมบถ10 ก็คือ ศีลทั้ง 5 ข้อนั่นแหละ เพียงแต่ใส่รายละเอียดเข้าไปให้ครอบคลุมกับ ศีล เพราะศีลจะเป็นข้อห้ามสำหรับ กาย และ วาจา แต่สำหรับ กรรมบถ10 ประการนี้ จะมีข้อห้ามในส่วนของมโน คือ ความคิดเข้าไปด้วย...ท่านที่ปฏิบัติในกรรมบถ10 ประการนี้ ท่านเรียกชื่อเป็น กรรมฐานกองหนึ่งเหมือนกันคือ สีลานุสสติกรรมฐาน หมายความว่าเป็นผู้ทรงสมาธิในศีล อานิสงส์ของการปฏิบัติ เมื่อทรงอารมณ์ได้ครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อตายจากความเป็นคนในชาตินี้ ไม่มีคำว่า ตกนรกอีกต่อไป...ในระยะแรกก่อนปฏิบัติจะมีบาปหนักมากขนาดไหนก็ตาม บาปที่จะทำให้ลงนรกนั้นหมดโอกาสให้ผล ตลอดไปในทุกชาติจนกว่าจะเข้าพระนิพาน...!!!
นำเสนอโดย :

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น