จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

ธรรมะ...พระนางสามาวดีอุบาสิกา "ผู้อยู่ด้วยเมตตา" (ตอนที่ 6)...!!!

ความต่อจากตอนที่ 5...

          ฝ่ายจูฬมาคันทิยะคิดว่า 'หลานสาวของเรา ไม่คู่ควรกับผู้ต่ำช้าเลย สมควรแก่พระราชาผู้เดียว'...จึงได้พานางมาคันทิยาไปที่เมืองโกสัมพี ตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับทั้งปวง แล้วนำเข้าไปถวายแด่พระเจ้าอุเทน โดยกราบบังคมทูลว่า "ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม นางแก้วนี้สมควรแก่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระพุทธเจ้าข้า"...

เมื่อพระเจ้าอุเทนทอดพระเนตรเห็นนางมาคันทิยา ก็ทรงมีสิเนหาต่อนางอย่างมากล้น ได้อภิเษกนางมาคันทิยาให้เป็นอัครมเหสี และพระราชทานหญิง 500 คน ให้เป็นบริวาร...เป็นอันว่า พระเจ้าอุเทนได้มีพระอัครมเหสี 3 พระองค์ พร้อมทั้งนางสนม 1,500 คน เป็นบริวาร...

ในสมัยนั้น ณ เมืองโกสัมพี มีเศรษฐีอยู่ 3 คน คือ
          1. โฆษกเศรษฐี
          2. กุกกุฏเศรษฐี
          3. ปาวาริกเศรษฐี

เศรษฐีทั้ง 3 คนนั้น ได้เห็นดาบส 500 ตน มาจากป่าหิมพานต์ในเวลาจวนเข้าพรรษา เพื่อเที่ยวภิกขาจารไปในเมือง ก็เกิดความเลื่อมใส จึงนิมนต์ให้นั่งฉันแล้วขอปฏิญญา เพื่อให้ดาบสเหล่านั้นอยู่ในสำนักของตนตลอด 4 เดือน ตลอดฤดูฝน ครั้นดาบสเหล่านั้นให้ปฏิญญาแล้วก็จากไป...ฝ่ายดาบสทั้งหลายอยู่ในป่าหิมพานต์ตลอด 8 เดือนแล้ว จึงอยู่ในสำนักของเศรษฐีทั้ง 3 คน ตลอด 4 เดือน นับแต่นั้นมา...ต่อมาภายหลัง เมื่อดาบสเหล่านั้นออกจากป่าหิมพาานต์ในเวลาอื่น ได้เห็นต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่งในแดนอรัญ จึงพากันนั่งที่โคนต้นไทรนั้น บรรดาดาบสเหล่านั้น ดาบสผู้เป็นหัวหน้าคิดว่า 'รุกขเทวดา ผู้สิงที่ต้นไม้นี้ จะมิใช่รุกขเทวดาผู้ต่ำศักดิ์ แต่จะเป็น 'เทวราชผู้มีศักดิ์ใหญ่'...อยู่ที่ต้นไทรใหญ่นี้เป็นแน่ ขอรุกขเทวดานี้จงให้น้ำดื่มแก่หมู่ฤาษีเถิด'...เมื่อนั้นรุกขเทวดาก็ได้ถวายน้ำดื่มแก่ดาบส

เมื่อดาบสนั้นได้คิดถึงอาบน้ำ รุกขเทวดานั้นได้ถวายน้ำอาบ เมื่อดาบสคิดถึงอาหาร รุกขเทวดาก็ได้ถวายอาหาร ดาบสได้คิดต่อไปว่า 'เทวราชนี้ได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดแล้ว ขอให้เราได้เห็นเทวราชนั้นเถิด'...เมื่อนั้นรุกขเทวดาจึงชำแรกต้นไม้ออกมาแสดงตนให้เห็น ดาบสทั้งหลายถามรุกขเทวดานั้นว่า "ท่านเทวราช ท่านมีสมบัติมาก สมบัตินี้ท่านได้มา เพราะกระทำอย่างไรไว้?"...
รุกขเทวดากล่าวตอบว่า "ขอท่านอย่าซักถามเลย พระคุณเจ้า"...
ดาบสเหล่านั้นกล่าวอ้อนวอนว่า "ท่านเทวราช จงบอกมาเถิด"...
รุกขเทวดานั้นมีความละอายไม่กล้าบอก เพราะตนได้กระทำบุญเอาไว้เพียงเล็กน้อย แต่เมื่อดาบสเหล่านั้นอ้อนวอนถามซ้ำ รุกขเทวดาจึงกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้นขอท่านทั้งหลายจงฟัง"...แล้วได้เล่าเรื่องให้ฟังว่า...ในกาลก่อน รุกขเทวดานั้นเดิมเป็นคนเข็ญใจคนหนึ่ง ซึ่งแสวงหาการงานเพื่อรับจ้าง และได้ไปทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ในสำนักท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี อาศัยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเลี้ยงชีวิต...ต่อมาวันหนึ่ง เมื่อถึงวันอุโบสถ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมาจากวิหารแล้วถามว่า "ในวันนี้ ใครได้บอกแก่ลูกจ้างว่าเป็นวันอุโบสถ แล้วหรือ?"...บุคคลทั้งหลายเรียนตอบว่า "ข้าแต่นาย! ยังไม่มีใครบอกเลย ขอรับ"...ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงบอกว่า "ถ้าเช่นนั้น พวกท่านจงหุงอาหารเย็นไว้ให้เขา!"...

บุคคลเหล่านั้นได้ใช้ข้าวสาร 1 กอบ หุงข้าวสุกไว้ให้แก่ลูกจ้าง...ในวันนั้น ลูกจ้างทำงานอยู่ในป่าตลอดทั้งวัน เมื่อเขากลับมาบ้านในเวลาเย็น พอมีผู้คดข้าวให้ก็ยังไม่บริโภคทีเดียวด้วยถือว่าตนหิว แต่คิดทบทวนว่า 'ในวันอื่นๆ ความโกลาหลอลม่านใหญ่ย่อมมีในเรือนนี้ว่า 'ขอท่านจงให้ข้าว...ขอท่านจงให้แกง...ขอท่านจงให้กับ...'  มาวันนี้บุคคลทั้งปวงนอนเงียบเสียง มีผู้กระทำอาหารให้เราคนเดียวเท่านั้น นี่เป็นเพราะเหตุใดหนอ?'...จึงถามว่า "บุคคลอื่นๆ บริโภคกันหมดแล้วหรือ?"...

บุคคลทั้งหลายตอบว่า "บุคคลอื่นๆ ไม่บริโภค พ่อคุณ!"...
ลูกจ้างถามว่า "เพราะเหตุใด?"...
บุคคลทั้งหลายกล่าวชี้แจงว่า "ในเรือนนี้ เขาไม่หุงอาหารเวลาเย็นในวันอุโบสถ ทุกคนเป็นผู้รักษาอุโบสถ! โดยที่สุดแม้แต่เด็กที่ยังดื่มนม ท่านมหาเศรษฐีให้บ้วนปาก ให้ใส่มธุรส 4 อย่าง ได้แก่ น้ำมันเนย น้ำมันงา น้ำผึ้ง น้ำตาลโตนด เข้าในปาก แล้วให้รักษาอุโบสถ เมื่อประทีปน้ำมันหอมลุกสว่างอยู่ พวกเด็กทั้งเล็กและใหญ่ได้เข้าไปยังที่นอน แล้วสาธยายอาการ 32 เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เป็นต้น แต่พวกเราลืมบอกวันอุโบสถแก่ท่าน! เพราะเหตุนั้น พวกเราจึงหุงข้าวไว้เพื่อท่านเพียงคนเดียว ท่านจงรับประทานอาหารนั้นเถิด"...

ลูกจ้างถามว่า "หากข้าพเจ้าจักรักษาอุโบสถในบัดนี้ ย่อมสมควร ข้าพเจ้าก็จักรักษาบ้าง!"...
บุคคลทั้งหลายตอบว่า "เรื่องนี้...ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีย่อมรู้ได้ดี"...
ลูกจ้างกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้น ขอพวกท่านกรุณาเรียนถามท่านเศรษฐีดูทีเถิด!"...
ครั้นบุคคลเหล่านั้นไปเรียนถามท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีแล้ว ท่านเศรษฐีกล่าวอธิบายว่า "ชายนั้นไม่บริโภคอาหารในบัดนี้ บ้วนปากแล้วอธิษฐานองค์อุโบสถทั้งสิ้น 8 ข้อ ก็จะเป็นอุโบสถกรรมครึ่งหนึ่ง"...
ฝ่ายลูกจ้างได้ฟังคำนั้นแล้ว จึงได้กระทำตามคำแนะนำของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อเขาหิวโหยมากเพราะได้กระทำงานมาตลอดทั้งวัน ลมก็ได้กำเริบขึ้นในร่างกายของเขา เขาใช้เชือกพันท้อง จับที่ปลายเชือกแล้วกลิ้งเกลือกไปมาอยู่...ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ฟังเรื่องนั้นแล้ว จึงใช้ให้คนถือมธุรส 4 อย่าง มีคนถือคบไฟไปหาลูกจ้างถามว่า "เป็นอย่างไรบ้าง พ่อคุณ?"...
ลูกจ้างเรียนตอบว่า "ข้าแต่นาย ลมกำเริบมาก ขอรับ"...
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้น เจ้าจงลุกขึ้นกินยานี้"...
ลูกจ้างเรียนถามว่า "ข้าแต่นาย...ยานี้ท่านทั้งหลายรับประทานแล้วหรือ ขอรับ?"...
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีตอบว่า "พวกเราไม่ได้เป็นอะไร...เจ้าจงกินเถิด"...
ลูกจ้างไม่ยอมกระทำตามคำของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี โดยเรียนว่า "ข้าแต่นาย...เมื่อข้าพเจ้ากระทำอุโบสถกรรม ก็ไม่สามารถกระทำให้เต็มบริบูรณ์ได้ อุโบสถกรรมเพียงครึ่งหนึ่งของข้าพเจ้า อย่าได้เป็นของขาดวิ่นไปเลย!"...
แม้ท่านเศรษฐีกล่าวว่า "เจ้าอย่าทำอย่างนี้...ลูกเอ๋ย"...เขาก็ไม่ยอมกินยา
พอรุ่งสว่างลูกจ้างก็ทำกาลกิริยา คือ ตาย เปรียบเหมือนกับดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งไปแล้วฉะนั้น แล้วเขาได้ไปเกิดเป็นรุกขเทวดาอยู่ที่ต้นไทรนั้น...เมื่อรุกขเทวดาได้เล่าเรื่องนี้แล้ว จึงกล่าวว่า "ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นผู้ศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นของเรา ส่วนสมบัตินั้น ข้าพเจ้าได้มาด้วยอานิสงส์แห่งการรักษาอุโบสถกรรมครึ่งหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าได้กระทำโดยอาศัยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี"...ดาบส 500 ตน เมื่อได้ฟังคำว่า "พระพุทธเจ้า"...จึงลุกขึ้นประคองอัญชลีไปทางรุกขเทวดา แล้วถามว่า "ท่านพูดว่า...พระพุทธเจ้า หรือ?"...เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป โปรดติตามในตอนที่ 7..!!!



ผู้ใดมีธรรมะภายในใจ ผู้นั้นย่อมมีธรรมรักษา : ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจารี

ที่มา : หนังสือ "พระนางสามาวดีอุบาสิกา ผู้เป็นเลิศด้าน "ผู้อยู่ด้วยเมตตา"
เรียบเรียงโดย : อ.จำเนียร ทรงฤกษ์ ( วัดสังฆทาน )
นำเสนอโดย :
http://dharmaishere.blogspot.com
https://www.facebook.com/kanlakraung1.sport
https://www.facebook.com/kanlakraung1.story

2 ความคิดเห็น:

  1. คงเสียดาย ถ้าไม่ได้อ่าน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อะนะ...สาธุ...งั้นก็ต้องรบกวนช่วยมาเป็นแฟนคลับให้ด้วยนะครับ...^_^

      ลบ