จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

"พึ่งตนเอง"...เสียงธรรมจากป่า...หลวงปู่ดูลย์ อตุโล...!!!

          ครั้งนั้น ณ วัดบูรพาราม เมืองสุรินทร์ พึ่งเริ่มบุกเบิกสร้างขึ้นมาใหม่ๆก่อนสงครามโลกหลายปี บ้านเมืองยังไม่เจริญเหมือนทุกวันนี้...ปีนั้น พระภิกษุ สามเณร ที่อยู่จำพรรษากับหลวงปู่มีอยู่หลายองค์ และที่เป็นสามเณรน้อยในจำนวนนี้ได้มี ...สามเณรโชติ (หลวงปู่โชติ)...สามเณรอ่อน (หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ)...สามเณรปิ่น (อธิบดีปิ่น มุทุกัณฑ์)...

ในวันที่หลวงปู่ดูลย์ ท่านสอนให้พระภิกษุสามเณรหัดทำกลดและขาตั้งบาตรด้วยไม้ไผ่ขึ้นมาใช้เอง  ในความรู้เบื้องต้นหลวงปู่ดูลย์ท่านได้สอนโดยทำให้ดูเป็นตัวอย่าง แบบละเอียดยิบไม่ตกไม่หล่น  หลวงปู่ท่านนั่งอยู่หัวแถวหมู่ผู้เป็นศิษย์ ทั้งภิกษุสามเณรได้มานั่งหันหน้าเข้าหากันต่อๆกันไปเป็นแถวยาวเฟื้อย...หลวงปู่ที่อยู่หัวแถว จะยกวัสดุไม้ไผ่ที่เหลาเรียบร้อยพร้อมที่จะนำมาใช้ ยกชูสูงขึ้นเหนือศีรษะให้พระเณรทั้งหลายได้เห็นกันทั่วทุกองค์ เสร็จแล้วหลวงปู่ท่านก็ได้เริ่มในขั้นตอนลงมือทำ...

หลวงปู่ได้ให้ความรู้แก่บรรดาพระเณรทั้งหลาย ต้องทำอย่างไร? หลวงปู่ได้สอนไปพร้อมๆกับลงมือทำให้ดูไปด้วยเป็นขั้นเป็นตอน แบบนี้...แบบนั้น...หลังจากนั้นหลวงปู่ท่านก็อยู่ในอาการ...เงียบฉี่!...หลวงปู่ท่านจะสอนศิษย์ไม่เหมือนใคร และใครก็ไม่เหมือนกับหลวงปู่ ตรงที่ลงว่าได้เงียบฉี่แล้ว หลวงปู่ท่านก็จะเงียบจริงๆ และนิ่งเงียบตลอดไป...



วันหนึ่ง...หลังจากฉันอาหารเช้าแล้ว พระเณรได้ล้างบาตร ปัดกวาดถูหอฉันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย หลวงปู่ท่านได้นั่งอยู่บนอาสนะยกพืื้นสูงดูแลพระเณรปฏิบัติกิจวัตร  เสร็จจากกิจเช้าวันนั้น สามเณรน้อยวัย 10 กว่าขวบ ที่ได้อยู่ระหว่างฝึกทำขาตั้งบาตรด้วยไม้ไผ่ได้มานั่งทำต่อหน้าหลวงปู่มีจำนวนทั้งหมด 3 องค์...และทั้งหมดได้ทุ่มเถียงกันในเชิงไต่ถามกันไปมา แล้วในที่สุดก็หาข้อยุติไม่ได้  สามเณรทั้งหมดจึงพากันเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลวงปู่ พร้อมกับเอ่ยกราบเรียนถาม...
"หลวงปู่ครับ...ทำยังไงครับ?"...
".........................................."....
หลวงปู่นั่งดูเฉยๆ...เงียบฉี่!...สามเณรทั้ง 3 องค์ก้มหน้าก้มตาทำต่อไป แต่ก็ยังปรากฏเสียงทุ่มเถียงกันไปทุ่มเถียงกันมาไม่หยุด...
"หลวงปู่ครับ...ทำยังไงครับ?...
".........................................."...
"หลวงปู่ครับ...ทำยังไงครับ?....
".........................................."...
"หลวงปู่....หลวงปู๊ปู๊ปู๊....ทำยังไง?...
".................................................."...
แต่หลวงปู่...ยังคงนั่งเฉย...!...

พลันนั้น สามเณรน้อยทั้งหมดพากันโกรธหลวงปู่งอนตุ๊บป่อง พากันลุกพรวดพราดขึ้นแล้วเดินลงส้นกับพื้นศาลาหอฉันเสียงดังสนั่นตึง...ตึง...ลงศาลาหายเงียบไป...วันนั้นตลอดทั้งวัน ปรากฏว่าสามเณรได้พากันยั้๊วะโกรธหลวงปู่ งอนหน้างอเป็นม้าหมากรุก...รุ่งขึ้นเช้า สามเณรทั้ง 3 นั้นยังคงไม่หายงอน ทำหน้างอเดินอุ้มบาตรตามหลวงปู่ออกจากประตูวัด...หลวงปู่ได้พาสามเณรน้อยผู้เป็นศิษย์เดินไปจนถึงบ้านหลังหนึ่ง...บ้านหลังนี้ใส่บาตรประจำทุกเช้าและมีลูกสาววัยรุ่น ที่ตอนนี้กำลังตำน้ำพริกอยู่ทางหลังบ้านเสียงดังโปกๆ รัวถี่ยิบเป็นข้าวตอกแตก ขณะที่ผู้เป็นแม่ถือขันใส่ข้าวก้าวลงจากบันไดตรงเข้ามาหาพระ...แต่เดินมาได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้นผู้เป็นแม่ต้องชะงักเท้า หยุดกึก!... ลงทันทีที่ได้ยินเสียงผู้เป็นลูกสาวได้ตะโกนถามมาเสียงดังโหวงๆ...
"แม่ ...แม่...แม๊....แกงส้มใส่กะปิไหม?"...
นาทีนั้นผู้เป็นแม่ได้หันไปตะโกนด่าลูกสาวเสียงดังโหวกเหวก...
"อีห่ากิน...ถ้าแม่ตายแล้ว...มึงจะถามใคร?"...
พลันนั้น...หลวงปู่ที่อยู่หัวแถว ได้ค่อยๆปรายหางตาเหลียวไปมองหมู่สามเณร...สามเณรทั้ง 3 องค์ พากันสะดุ้งโหยง!!!...สามเณรน้อยพากันอุ้มบาตรเดินตามหลังหลวงปู่ต้อยๆด้วยอาการเขินจึงทำเป็นเดินกระมิดกระเมี้ยน ก้มหน้าแกล้งดูมดดำมดแดงที่ไต่อยู่ตามพื้นดิน...โดยมี หลวงปู่พระป่า ผู้เฒ่าเดินซ่อนยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดทางจนถึงวัด...

นี่เอง...ธรรมะที่หลวงปู่ได้เมตตาแสดงให้ลูกศิษย์ตั้งแต่วันที่ได้เริ่มสอนทั้งการทำกลดและขาตั้งบาตร...รวมไปถึงการที่หลวงปู่นิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถามใดๆ...เพื่อให้บรรดาเหล่าสามเณรน้อยๆ ได้พึ่งพาตนเองให้มากๆ...เพราะความรู้ที่หลวงปู่ถ่ายทอดให้นั้น ก็เป็นที่ละเอียดทุกขั้นตอนดีแล้ว...เมื่อพิจารณาธรรมะที่ได้นี้ โดยการนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน...การพึ่งพาตนเอง จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักถึง เพราะหากพึ่งพาตนเองไม่เป็นแล้ว...คงไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าให้เราต้องพึ่งพาอาศัยได้ตลอดไป...กราบสาธุธรรมของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล...ด้วยขอครับ...สาธุ สาธุ สาธุ...!!!

ที่มา : หนังสือ เสียงธรรมจากพระป่า "หลวงปู่ดลย์ อตุโล"...โดย บัว ปากช่อง

นำเสนอโดย :
http://dharmaishere.blogspot.com
https://www.facebook.com/kanlakraung1.sport
https://www.facebook.com/kanlakraung1.story

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น