จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

ฝึก...ฝึก...ฝึก นึกถึงบุญที่ตนเคยทำ...เผื่อพลาดพลั้ง ยังมีก๊อก 2...!!!

          ในแต่ละคน "บุญก็ทำ กรรมก็สร้าง"...ต่างกรรมต่างวาระ ดังนั้นสิ่งที่เคยสร้างเคยทำแล้ว ในส่วนดี คือบุญ ให้ตัวเราหมั่นนำมาคิดพิจารณา ให้หัวใจมันสดใสแช่มชื่นเบิกบาน มีความสุขไปกับการทำบุญเหล่านั้น ในส่วนที่เป็นกรรมไม่ดี ท่านให้ลืมไปเสีย อย่านำมาคิดผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไป เหตุผลที่ผู้เขียนต้องการสื่อออกไปก็เพราะว่าความเป็น "อนิจจัง"...ความไม่เที่ยงนั่นเอง ขณะนี้ผู้เขียน ยังมีลมหายใจ แสดงว่ายังไม่ตาย ยังเขียนหนังสือให้ท่านทั้งหลายอ่านกันได้ แต่ก็ไม่รู้ว่า พรุ่งนี้ มะรืนนี้...ผู้เขียนยังจะมีลมหายใจอยู่มั้ย....แล้วการฝึกให้เราหมั่นนึกถึงบุญกุศล ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ท่านผู้รู้ท่านบอกว่ามันก็คือการฝึกสมาธินั่นแหละ ในกรณีที่เราไม่เคยฝึกให้จิตของตัวเรานึกไปถึงบุญที่เคยทำ บังเอิญเกิดพลาดพลั้ง ลืมหายใจ เป็นอันว่าความซวยอาจมาเยือนได้...จิตมันจะเคว้งไม่มีที่ให้เกาะ แล้วจะทำยังไงล่ะ มันก็คงไปตามบุญตามกรรมกระมัง เชื่อได้เลย ร้อยทั้ง ร้อย ไปไม่ดีแน่ ทั้งนี้เพราะคนเราส่วนใหญ่ตอนสมัยยังมีชีวิตอยู่เรื่องอะไรดีๆมักจะลืมกันง่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องเศร้าโศกเสียใจ ที่สะเทือนใจ เรมักจะจำกันได้ทั้งชีวิต...ลองถามตัวเอง สำรวจตัวเองนะครับว่า ที่ผู้เขียนพูดมา มันจริงเท็จแค่ไหน...มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนเคยอ่านเจอ แล้วก็ได้นำเรื่องราวเหล่านั้นมาเป็นเครื่องเตือนสติในทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ ลองอ่านกันดูนะครับ...จากความในตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนาของ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง...

ชายชราคนหนึ่งร่างกายใหญ่โต ผิวคล้ำ อายุประมาณ 70 ปี เดินเข้ามาที่สอบสวน ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ผู้ประกาศความประพฤติว่า "นายกิ่ง(ชื่อสมมุติ)...เธอเป็นทายกวัดเป็นผู้เคร่งครัดในระเบียบ ผู้พบเห็นศรัทธาเธอมาก แต่เบื้องหลังแกบังคับพระให้อยู่ในอำนาจ คนนี้ตายเมื่อ 18 สิงหาคม 2531 ชอบเอาของสงฆ์เข้าบ้าน แล้วยังมีอีกมาก"...เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศจบ ท่านลุง(พระยายมราช) ก็ถามนายกิ่งว่า "เธอทำกรรมหนักมาก ของสงฆ์มีอันตรายใหญ่ เธอเอาของสงฆ์ไปใช้มีเวลาถึง 31 ปี โทษนี้ต้องลงอเวจีมหานรกและต้องลงนรกอีกหลายขุม"...

นายกิ่งเมื่อฟังดังนั้นแล้วได้แต่ก้มหน้าน้ำตาไหล แล้วเจ้าหน้าที่ก็ประกาศต่อไปว่า "ส่วนที่เป็นกุศล นายกิ่งรักษาศีล 5 บริสุทธิ์ทุกสิกขาบท มีเรื่องเดียวที่เสียคือ ชอบบังคับพระให้อยู่ในอำนาจ แล้วนำของสงฆ์ไปทำเป็นครั้งคราว ประการที่สอง นายกิ่งชอบบูชาพระและสวดมนต์ ตั้งใจบูชาและสวดด้วยความเคารพเป็นปกติ บทที่ชอบสวดที่สุดคือ 'ธรรมจักร'..."...เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศจบ ท่านลุงก็ถามนายกิ่งว่า "ที่เขาพูดนั้น จริงหรือ?"...นายกิ่งก็ยอมรับ ว่าจริง...

เจ้าหน้าที่ประกาศต่อไปว่า "การให้ทานเป็นปกติ นายกิ่งชอบใส่บาตรเป็นประจำทุกวัน และเคยถวายสังฆทานมีผ้าไตร ของใช้ อาหารแห้ง พระพุทธรูป ถวาย 1 ครั้ง ในชีวิต"...ท่านลุงถามว่า "เธอทำอย่างนั้น จริงหรือเปล่า?"...นายกิ่งยอมรับว่าทำจริง...ท่านลุงถามว่า "บุญที่ทำทุกอย่างเธอมั่นใจบุญอะไรมากที่สุด?"...นายกิ่งตอบว่า "มั่นใจบูชาพระและสวดมนต์ ที่ติดตาติดใจมากที่สุดคือ ถวายสังฆทาน"...ท่านลุงพูดว่า "การทำบุญอย่างนี้น่าจะไปสวรรค์โดยตรง ไม่น่าจะต้องถูกจับมาสอบสวน"...ท่านว่าก่อนที่เขาจะนำมาที่นี่เธอ ไม่ได้นึกถึงบุญเลยหรือ?...นายกิ่งตอบว่า "เมื่อป่วยใหม่ๆนึกถึงการสวดมนต์และถวายสังฆทาน แต่เมื่อใกล้จะตาย (ตายด้วยโรคลมขึ้น แน่นจุกหน้าอก )...มีเสียงเหมือนใครเอาของหนักมาเขวี้ยงที่ฝาบ้าน ดังปั้ง! ถนัด...จึงตกใจลืมบุญทั้งหมด ใจว้าวุ่น กลุ้ม พร้อมกับอาการจุกเสียดก็ได้กำเริบขึ้นอย่างหนัก อารมณ์ก็มืดไปชั่วครู่" จากนั้นก็เห็นทั้ง 4 ท่านมาบอกว่า "ฉันมารับขอให้ตามมา"...จนได้มายืนอยู่ ณ ที่นี้...

ท่านลุงฟังแล้วท่านก็บอกว่า "เออ! ดีแล้ว...ยังนึกถึงบุญกุศลได้ เอ็งไปรับผลความดีก่อน เรื่องอเวจีเอาไว้ภายหลัง ไปเป็นเทวดาแล้วพยายามสร้างความดี อย่าให้พลัดลงมาได้นะ"...



          ...อานิสงส์ของการสวดมนต์ ทำให้เอ็งไปเป็นเทวดาชั้นยามา...
          ...อานิสงส์สังฆทาน เป็นเหตุให้มีวิมานและเครื่องประดับทิพย์...
          ...การถวายพระพุทธรูปร่วมสังฆทาน เป็นเหตุให้เป็นเทวดาที่มีอานุภาพมาก...

เอ็งไปได้แล้วฉันช่วยได้แค่นี้นะ ถ้าพลัดลงมาอีกเอ็งต้องไปอเวจีแน่ แล้วท่านลุงก็ให้เทวดานำนายกิ่ง ออกเดินทางไปชั้นยามา ร่างกายเธอสวยมาก วิมานก็สวย พวกเรา( หมายถึงหลวงพ่อ ) ก็ลากลับ แล้วก็สะดุ้งตื่นพอดีจบเรื่องนายกิ่ง...

ผู้เขียนเองเมื่ออ่านเรื่องราวแบบนี้ทีไร หัวใจมันก็พองโตทำให้มีกำลังใจในการประพฤติปฏิบัติความดี ถึงแม้จะเป็นความดีเพียงเล็กๆน้อย ด้วยการสวดมนต์ไหว้พระวันละนิดวันละหน่อยไปตามเรื่องก็เถอะ...สำหรับท่านผุ้อ่านทั้งหลายที่ทำบุญกันไว้มากมายแล้ว ฝึก ฝึก...นึกถึงบุญที่เคยทำ ในทุกครั้งที่มีสตินึกขึ้นมาได้ ใคร่ครวญพิจารณา แล้วอิ่มเอมไปกับบุญของตนกันนะครับ...สาธุ...!!!

ที่มา : หนังสือรวมคำสอน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น