จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

อานุภาพศีลข้อ1...กับพลังแห่งเมตตา...ไร้เงาของตะขาบ...แบบเบ็ดเสร็จ...!!!

     ก่อนจะเล่าบางเรื่องที่ผู้เขียนได้ประสบพบเจอด้วยตัวเองถึงความแปลกประหลาดมหัศจรรย์บางอย่าง กับการที่ได้ตั้งจิต ละ เลิก ในการคิดเบียดเบียนชีวิตของสัตว์เล็กสัตว์น้อยทั้งหลาย  ทั้งที่ก่อนหน้านั้นคำว่าเมตตาปราณีไม่เคยมี อย่างเช่น ยุง แมลงสาบ ตะขาบ อะไรพวกนี้...ฆ่าเรียบ...เพราะเจ้าพวกนี้มันทั้งน่ารำคาญ และน่าขยะแขยงมาก...จริงมั้ย?...มีคุณผู้อ่านคนไหนบ้างไหมล่ะ ที่มีความรัก เจ้ายุง เจ้าแมลงสาบ หรือว่าเจ้าตะขาบ...คงจะไม่มีนะ  แล้วทำไมจู่ๆ จากคนที่เคยฆ่า เคยเบียดเบียนเอาชีวิตของสัตว์พวกนี้ จึงเลิกฆ่า...นั่นซิ...ทำไมหนอ?...มาดูความหมายของ ศีลข้อที่ 1 กันก่อนดีกว่า...ผู้เขียนเชื่อว่า เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ย่อมรู้ว่าในศีล 5 ข้อแรกต้องมีคำว่า "ห้ามฆ่าสัตว์"...แต่บางคนอาจจะเรียงลำดับข้อไม่ถูก เกิดความไม่แน่ใจว่า ห้ามฆ่าสัตว์ มันอยู่ที่ข้อไหน?...

http://dharmaishere.blogspot.com


"ปาณาติปาตา เวรมณี" คือ ศีลข้อที่1...งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ต้องตายไป...ไม่ใช่แค่ทำให้ตายอย่างเดียวหรอกนะ แต่ความหมายมันกว้างออกไปอีก นั่นคือ การไม่เบียดเบียน ทำร้ายร่างกาย และจิตใจของกันและกันด้วย...สิ่งที่แยก หรือยกระดับให้ความเป็นคน หรือมนุษย์ ดูสูงส่งกว่าคำว่า เดรัจฉาน...ก็ตรงที่มนุษย์คนนั้นมีศีลเป็นเครื่องอยู่ เป็นเครื่องอาศัย...เหตุเพราะว่า สัตว์เดรัจฉานพวกนั้นต้องฆ่ากันเพราะความหิวโหย...แต่มนุษย์เราไม่ได้ฆ่ากันเอง...เหตุผลที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติศีลข้อนี้ขึ้น  ก็เพื่อให้มนุษย์ทุกคนได้ปลูกต้น "เมตตา" ให้เจริญงอกงามขึ้นในใจ เมื่อคน ละ เลิก ที่จะคิดเข่นฆ่าสัตว์ แม้แต่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อย สัตว์ใหญ่เช่นคน ก็คงละเว้นได้เช่นกัน...ทำให้สังคมมีความน่าอยู่ ไม่ต้องมีเหตุเภทภัยที่ต้องทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจ อันเนื่องมาจากมนุษย์ต้องฆ่ากันเอง จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เป็นอันว่าทำไม่ได้ กับมนุษย์ที่มีศีลข้อที่ 1 นี้ประจำใจ...

เมื่อรู้ความหมาย และที่มาที่ไปคร่าวๆของศีลข้อที่ 1 กันไปแล้ว...ผู้เขียนก็จะได้เริ่มเล่าประสบการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นจริง...ดังที่ได้เกริ่นไว้แต่ตอนต้น ก่อนที่ผู้เขียนจะเลิกการเอาชีวิตของบรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยทั้งหลายก็ครึ่งคนเข้าไปแล้ว  ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น สัตว์ที่โดนฆ่าบ่อยมากที่สุด คือ ยุง ทั้งตบทั้งตี แถมในบางครั้งยังโดนไม้แบดไฟฟ้าที่เอาไว้ใช้ฆ่ายุงอีกต่างหาก...เสียง แป๊ะ แป๊ะ...รัวถี่ยิบเป็นที่สนุกสนานเลย ในตอนนั้น ส่วนเจ้าแมลงสาบน่ะเหรอ เจอที่ไหน "เหยียบแบน"...นอนตายเละอยู่ตรงนั้น มาถึงเจ้าตะขาบ ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ ถ้าเจอก็ตายเรียบ ถ้าตัวเล็กก็ใช้เท้าเหยียบ ถ้าตัวใหญ่ก็ใช้ ดรัมเบล ทุบหัวให้เละ...ทำแบบนี้มาเป็น 10 ปี จนถึงช่วงหนึ่งของชีวิต...จากคนที่แสนสบายทั้งทางการเงิน การงาน อยากมีอะไร อยากได้อะไร ที่ฐานะทางการเงินพอหาได้ ก็มีทั้งนั้น ไม่เดือดร้อนอะไรเลย...แต่อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อได้ลาออกจากงานประจำจากบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ในตำแหน่งวิศวกรออกแบบ เพื่อมาทำกิจการส่วนตัว...ช่วง 3-4 เดือนแรกมีกำไรงามทีเดียว ผู้เขียนก็คิดว่า อีกไม่นานแล้วซินะ คงจะได้เปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้อยู่จากรถญี่ปุ่น ไปเป็นรถยุโรปกับเขาบ้าง...แล้วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ทุกอย่างพังทลายลง ในระยะเวลา 2 ปีนับจากนั้น...ทุกอย่างหมดสิ้น ไม่ใช่เหลือ 0...แต่มันมุดต่ำไปกว่านั้น คือ ติดลบ...

ถ้าเขียนให้อ่านออกมาทุกขั้นตอน ดูเหมือนมันจะดราม่าเกินไปสักหน่อย...รวบรัดตัดความมาที่...ด้วยความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ผู้เขียนต้องมุ่งหน้าเข้าหาทางธรรม...อ่าน ฟัง ปฏิบัติ เคร่งบ้าง หย่อนบ้าง ตามเรื่องตามราวไป...จนในที่สุดตัดสินใจเพื่อจะรักษาศีลทั้ง 5 ข้อ...ตอนนั้นรู้แล้วว่า ที่ชะตาชีวิตของตนเองต้องมาเป็นแบบนี้เป็นเพราะกรรมเก่าที่ได้สร้างเอาไว้ แต่หนไหนก็ไม่รู้..."ตามมาทัน"...ความกลัวบังเกิดขึ้นมากมาย...แต่ความกลัวที่ว่านี้ คือ กลัวว่าหลังจากที่ตายไปแล้ว จะลงนรก...นี่แหละจึงเป็นจุดเริ่มในการทำความดี คือ การตั้งจิตเพื่อรักษาศีลทั้ง 5 ข้อ...ข้อที่ 1 จากคนที่เคยฆ่า ก็ต้องหยุด ไม่ว่าสัตว์ตัวนั้นจะเป็นอะไร ไม่มีเจตนาจะเอาชีวิตเขา...หลายครั้งที่เจอตะขาบ ทั้งตัวเล็ก หรือตัวใหญ่ดูน่ากลัวและน่าขยะแขยงมากเพียงใด ก็จะจับแล้วเอาไปปล่อย...บ้านของผู้เขียนเป็นดงตะขาบเลยก็ว่าได้...ขุดดินลงไปตรงไหนก็ต้องเจอตะขาบ...เล่นเอาขนลุกก็แล้วกัน...เมื่อไม่ฆ่า เจอเมื่อไรก็จับไปปล่อย เป็นจำนวนมากมายหลายครั้งในหลายปีที่ผ่านมา พร้อมๆกับ เวลาสวดมนต์ นั่งสมาธิเสร็จ ก็จะแผ่เมตตตาให้เจ้าสัตว์พวกนั้น...จนเมื่อวันหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนมักจะเรียกมันว่า ...วันสุดท้ายที่ได้เจอตะขาบในบ้าน...ตัวมันใหญ่มาก ผู้เขียนหาวิธีจับอยู่นาน ต้องใช้ความพยายามมากมาย ทั้งที่ตอนนั้นมีดรัมเบลอยู่ใกล้มือ แค่เอื้อมไปคว้าแล้วเอามาทุกหัวเจ้าตะขาบก็จบแล้ว...แต่ผู้เขียนทำไม่ได้ ทำไม่ลง...จึงก้มหน้าก้มตาไล่จับกันไป จนในที่สุดก็จับได้...นำไปปล่อยในป่าหญ้าที่ไม่ไกลจากบ้านของผู้เขียนมากนัก...ก่อนที่เจ้าตะขาบจะมุดหายไปในป่าหญ้านั้น มันเหมือนคล้ายๆเดินไปอยู่ดีๆก็ผงกหัวชูคอมองมาที่ผู้เขียน...จริงๆแล้วก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะมองมาหรือเปล่า...แต่ความรู้สึกในตอนนั้น คิดว่ามันมอง ก่อนที่มันจะเดินหายเข้าไปในป่าหญ้านั้น...

และนั่นเป็นตะขาบตัวสุดท้ายที่ได้เห็นในบ้านของผู้เขียน...มันเป็นเรื่อง แปลกประหลาดมหัศจรรย์มาก ทั้งๆที่บ้านของผู้เขียนมันเป็นดงของตะขาบ เจอเจ้าตัวร้อยขาเกือบทุกวัน ต้องฆ่ากันทุกวัน...หรือนี่ จะเป็น อานุภาพแห่งการรักษาศีลข้อที่ 1...งดเว้นจากการฆ่า...แล้วยังแผ่เมตตาให้กับสัตว์ผู้ยากทั้งหลาย....แต่ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงมันจะเป็นเช่นไร...สำหรับผู้เขียนก็มีคำตอบในใจเสมอมา...เพราะเรื่องทั้งหมด มันเกิดกับตัวของผู้เขียนโดยตรง...หลายปีมาแล้วที่ผู้เขียนพยายามรักษาศีลข้อนี้ด้วยความตั้งใจจริง...จนบังเกิดผลเป็นที่อัศจรรย์ใจเหลือเกิน...สำหรับคุณผู้อ่านถ้าอยากรู้ว่าสิ่งที่ผู้เขียนเล่าผ่านตัวอักษรมานี้จะเท็จจริงประการใด...ไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การพิสูจน์คำพูดพวกนี้ ด้วยการทำเช่นเดียวกับผู้เขียน...ไม่ลอง ไม่รู้นะครับว่า...อานุภาพที่ทรงพลังมากที่สุด คือการรักษาศีลเอาไว้ให้ได้  ศีลข้อที่ 1 ยังจะคงเป็นศีล ต่อเมื่อผู้ที่รักษา...มีความเมตตา...!!!

นำเสนอโดย :
http://dharmaishere.blogspot.com
https://www.facebook.com/kanlakraung1.sport
https://www.facebook.com/kanlakraung1.story

1 ความคิดเห็น:

  1. ยินดีค่ะกับกรรมดีที่เกิดจากจิตที่ตั้งใจด้วยกุศล

    ตอบลบ