จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

ธรรมะ...พระนางสามาวดีอุบาสิกา "ผู้อยู่ด้วยเมตตา" (ตอนที่ 4)...!!!

ความต่อจากตอนที่ 3...
ราชบุรุษกราบบังคมทูลว่า "พวกหญิงเหล่านี้ ไม่ได้เป็นสนมของใครพระพุทธเจ้าข้า"
พระเจ้าอุเทนมีพระราชดำรัสถามอีกว่า "ถ้าอย่างนั้น เธอเป็นลูกสาวของใครเล่า?"...
ราชบุรุษกราบบังคมทูลว่า "เธอเป็นลูกสาวของโฆษกเศรษฐี มีชื่อว่า สามาวดี พระพุทธเจ้าข้า"...
พระเจ้าอุเทน เมื่อทอดพระเนตรเห็นนางสามาวดี ก็ทรงเกิดความสิเนหา จึงมีพระราชโองการให้ส่งพระราชสาสน์ไปถึงโฆษกเศรษฐีว่า "ขอท่านเศรษฐีจงส่งธิดามาให้แก่เรา"...
โฆษกเศรษฐีกราบบังคมทูลปฏิเสธว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่สามารถ ส่งธิดาให้กับพระองค์ได้ เนื่องจากข้าพระพุทธเจ้ามีธิดาเพียงคนเดียว พระพุทธเจ้าข้า"...
พระเจ้าอุเทนมีพระราชดำรัสว่า "ขอท่านเศรษฐีอย่าปฏิเสธเลย ท่านเศรษฐีจงส่งธิดาให้เรา!"...
โฆษกเศรษฐีกราบบังคมทูลปฏิเสธอีกว่า "พวกข้าพระพุทธเจ้าเป็นคฤหบดี...ถวายไม่ได้ เพราะกลัวพวกกุมารีจะทุบตี และเบียดเบียนฉุดคร่าธิดาของข้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าข้า"...
พระเจ้าอุเทนจึงมีพระราชโองการ ให้ตีตราบ้านของโฆษกเศรษฐีไว้ อีกทั้งให้จับโฆษกเศรษฐีและภรรยามัดมือ จากนั้นนำคนทั้ง 2 ออกไปไว้นอกบ้าน ไม่สามารถเข้าบ้านได้...ฝ่ายนางสามาวดี กลับจากอาบน้ำมาถึงบ้าน ไม่สามารถเข้าบ้านได้ จึงถามว่า "คุณพ่อคะ นี่เกิดอะไรขึ้น เจ้าคะ?"...
โฆษกเศรษฐีตอบว่า "นี่แน่ะ สามาวดี ลูกรัก! พระราชาได้ทรงส่งพระราชสาสน์มาเพื่อทรงขอลูก เมื่อพ่อตอบไปว่า 'ถวายไม่ได้' จึงมีพระราชโองการให้ตีตราบ้าน และให้จับพวกเรามัดมือไว้ภายนอกบ้าน"...
นางสามาวดีจึงกล่าวว่า "คุณพ่อคะ คุณพ่อกระทำผิดมากทีเดียว เมื่อพระราชาส่งราชสาสน์มาถึงแล้ว ไม่ควรปฏิเสธว่า 'ถวายไม่ได้' แต่ควรกราบบังคมทูลตอบว่า 'ถ้าใต่ฝ่าละอองธุลีพระบาท จะทรงรับธิดาของข้าพระพุทธเจ้าพร้อมทั้งบริวาร ก็ยินดีจะถวาย' สิคะคุณพ่อ!"...
โฆษกเศรษฐีกล่าวว่า "ดีแล้ว! สามาวดี ลูกรัก เมื่อลูกพอใจ พ่อก็จะกระทำตามอย่างที่ลูกกล่าวแนะนำ"...จากนั้นจึงตอบสาสน์ไปถวายพระราชาตามคำของนางสามาวดี
พระเจ้าอุเทนมีพระราชดำรัสว่า "ดีแล้ว!"...จากนั้นนำนางสามาวดีมาพร้อมทั้งหญิงบริวาร ทรงอภิเษกตั้งนางไว้ในตำแหน่งอัครมเหสี และประทับอยู่บนปราสาทหลังหนึ่ง...ส่วนหญิงบริวารทั้งหมด ได้เป็นบริวารของนางสามาวดี...

พระเจ้าอุเทนยังมีพระมเหสีอีกพระองค์หนึ่ง ซึ่งพระนามว่า "พระนางมาคันทิยา" ดังมีเรื่องเล่าไว้ในอรรถกถาคัมภีร์ธรรมบท แห่งอัปปมาทวรรค เรื่องพระนางสามาวดี และในอรรถกถาคัมภีร์มโนรถปูรณี ดังนี้...

พระนางมาคันทิยา เดิมทีเป็นลูกสาวของพราหมณ์ชื่อ "มาคันทิยะ" ในแค้นกุรุ แม้มารดาของนางก็ชื่อ "มาคันทิยา" เช่นเดียวกัน นางมาคันทิยา เป็นหญิงมีรูปร่างสวยงามประหนึ่งนางเทพอัปสร บิดาของนางมาคันทิยา หาบุรุษผู้จะเป็นสามีที่คู่ควรกับลูกสาวของตนไม่ได้ แม้จะมีคระกูลใหญ่มาสู่ขอ ก็ปฏิเสธว่า "พวกท่านมิคู่ควรกับลูกสาวของเรา"...แล้วไล่ตะเพิดส่งไป

วันหนึ่ง พระบรมศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลกในเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งพระอนาคามีผล (ผลของท่านผู้ไม่กลับมาเกิดอีก เป็นพระอริยผล ชั้นที่ 3 ใน 4 ชั้น)...ของมาคันทิยพราหมณ์และภรรยา พระองค์จึงทรงถือบาตรพร้อมทั้งจีวร เสด็จไปยังสถานที่บูชาไฟ ซึ่งอยู่ภายนอกบ้านของมาคันทิยพราหมณ์...เมื่อมาคันทิยพราหมณ์ แลเห็นพระวรกายอันเลิสด้วยความงามของพระบรมศาสดา จึงคิดว่า "ในโลกนี้ มิมีบุรุษอื่นที่เสมอด้วยบุรุษนี้ ที่คู่ควรกับลูกสาวเรา เราจะยกลูกสาวให้กับบุรุษผู้นี้ เพื่อประโยชน์ที่จะเลี้ยงดูกัน"...แล้วจึงกล่าวว่า "ท่านสมณะ ข้าพเจ้ามีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง ข้าพเจ้ายังมิเห็นชายใดที่คู่ควรกับนาง...ตลอดกาลนานเท่านี้ ท่านเป็นผู้ที่คู่ควรกับนาง และนางก็เป็นผู้ที่คู่ควรกับท่าน ขอท่านจงยืนรออยู่ที่นี่จนกว่าข้าพเจ้าจะกลับมา"...



พระบรมศาสดามิได้ตรัสว่าอย่างไร ได้แต่ทรงนิ่งเฉยอยู่...มาคันทิยพราหมณ์รีบกลับไปบ้านโดยเร็ว บอกภรรยาด้วยความดีใจว่า "นี่เธอ! ฉันได้เห็นบุรุษผู้ที่คู่ควรกับลูกสาวของเราแล้ว! เธอจงแต่งตัวให้ลูกสาวโดยเร็ว!"...เมื่อภรรยาแต่งตัวให้ลูกสาวเรียบร้อยแล้ว มาคันทิยพราหมณ์พร้อมกับภรรยาได้พาลูกสาวไปหาพระบรมศาสดา...ชาวเมืองร่ำลือกันทั่วไปว่า "มาคันทิยพราหมณ์ ไม่ยกลูกสาวให้แก่ใครๆ โดยกล่าวอ้างมานานแล้วว่า 'มิมีชายใดที่คู่ควรกับลูกสาวของตน' แต่มาบัดนี้ทราบข่าวว่า พราหมณ์ได้พบ 'บุรุษที่คู่ควร' กับลูกสาวของเขาแล้ว! ชายผู้นั้นจะเป็นเช่นไรหนอ? พวกเราจะไปดูชายผู้นั้น"...มหาชนจึงออกไปพร้อมมาคันทิยพราหมณ์ด้วย...

เมื่อมาคันทิยพราหมณ์พานางมาคันทิยาลูกสาวมาถึง พระบรมศาสดามิได้ประทับยืนอยู่ในที่ซึ่งพราหมณ์บอก แต่ได้ทรงแสดง "ปทเจดีย์" คือ รอยพระบาท ไว้ ณ ที่นั้น...แล้วเสด็จไปประทับยืนในที่อื่น ความจริงแล้ว ปทเจดีย์เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงอธิษฐาน แล้วทรงประทับไว้เพื่อบุคคลเหล่าใด บุคคลเหล่านั้นพวกเดียวย่อมแลเห็นปทเจดีย์นั้น...แม้สัตว์ทั้งหลายมีช้างเป็นต้น จะเหยียบย่ำก็ตาม มหาเมฆฝนจะตกลงมาก็ตาม หรือลมบ้าหมูจะพัดก็ตาม เพื่อขัดขวางไม่ให้บุคคลเหล่านั้นแลเห็น แต่ก็ไม่สามารถลบปทเจดีย์นั้นได้...

ครั้งนั้น นางพราหมณีจึงถามมาคันทิยพราหมณ์สามีว่า "บุรุษผู้นั้นอยู่ที่ใดเล่า?"...
มาคันทิยพราหมณ์ตอบว่า "ฉันได้บอกให้เขายืนอยู่ ณ ที่นี้ แต่เขาไปที่ไหนหนอ?"...
เมื่อมาคันทิยพราหมณ์แลดูโดยรอบก็ได้เห็น ปทเจดีย์ จึงกล่าวว่า "นี่เป็นรอยเท้าของบุรุษผู้นั้น!"...
เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป...ขอโปรดติดตามในตอนที่ 5...!!!
ผู้ใดมีธรรมะภายในใจ ผู้นั้นย่อมมีธรรมรักษา : ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจารี

ที่มา : หนังสือ "พระนางสามาวดีอุบาสิกา ผู้เป็นเลิศด้าน "ผู้อยู่ด้วยเมตตา"
เรียบเรียงโดย : อ.จำเนียร ทรงฤกษ์ ( วัดสังฆทาน )
นำเสนอโดย :
http://dharmaishere.blogspot.com
https://www.facebook.com/kanlakraung1.sport
https://www.facebook.com/kanlakraung1.story


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น