จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

นิทานธรรม...กรรมทันตาเห็น...!!!

          ที่หมู่บ้านเชิงเขาหิมาลัย ยังมีพรานไพรอาศัยอยู่หลายครอบครัว หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ ครอบครัวของนายพรานวัยกลางคนครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเขามีความสามารถในการล่าสัตว์เก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นกวาง เลียงผา หรือหมูป่าก็ตาม แถมยังมีสุนัขล่าเนื้อพันธุ์ดุที่เลี้ยงไว้อีก 5 ตัว เขาจะออกล่าสัตว์ทุกวัน เข้ากับคำที่ว่า "วันโกนก็ไม่ละ วันพระก็ไม่เว้น"...วัดวาอารามพระสงฆ์สมณะหน้าตาเป็นอย่างไร เขาไม่สนเลย...วันหนึ่งเขาตั้งใจจะเข้าไปล่าสัตว์ในป่าใหญ๋ จึงรีบออกเดินทางจากหมู่บ้านแต่เช้าตรู่ ในขณะที่เขากำลังเดินทางไปสู่ป่าใหญ่นั้น พอดีเดินสวนทางกับพระที่เข้ามาบิณฑบาตในหมู่บ้าน ทันทีที่เขาเห็นก็นึกในใจว่า "วันนี้ สงสัยกูซวยแน่ๆ"...เพราะเขาไม่ชอบทำบุญทำทาน เห็นพระเป็นตัวขัดโชคลาภ เป็นตัวซวย...

และวันนั้นก็ประจวบเหมาะจริงๆ ไม่รู้สัตว์ต่างๆมันหายไปไหนหมด นายพรานเที่ยวไปหาตลอดทั้งวันจนบ่าย ก็ไม่พบสัตว์สักตัวเดียว เขาจึงต้องกลับบ้านมือเปล่า ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลย พอคิดไปคิดมา เขาก็ยกความผิดทั้งหมดไปให้กับพระที่เดินสวนทางกับเขาเมื่อตอนเช้า พร้อมบ่นอยู่ในใจว่า "กูว่าแล้ว วันนี้ต้องซวยแน่ๆ"...เลยผูกจิตอาฆาตพยาบาทในตัวพระทันที..

วันต่อมา นายพรานก็ลุกขึ้นแต่เช้ามืด เพื่ออกไปล่าสัตว์ ในขณะที่เดินทางไปก็เดินสวนทางกับพระที่เข้ามาบิณฑบาตอีก เขาเกิดอารมณ์เสีย นึกในใจว่า "เมื่อวานเจอมันก็ล่าสัตว์ไม่ได้สักตัว ซวยทั้งวัน วันนี้เจอมันอีก คงซวยอีกแล้วกู เพราะมันแท้ๆ"...คิดไปบ่นไปในขณะที่เดินทางกลับบ้าน...วันนี้ไม่รู้เป็นคราวเคราะห์ของพระหรือของนายพรานกันแน่ ที่ทั้งสองต้องเดินทางมาพบกันในระหว่างทางอีก เพราะมีผู้มีจิตศรัทธานิมนต์พระฉันภายในบ้านของตนเอง สนทนาธรรมกันจนเย็นจึงเดินทางกลับ ในขณะที่เดินทางกลับก็มาพบกับนายพรานพอดี ทันทีที่นายพรานเห็นพระ ก็คิดในใจพร้อมผูกจิตอาฆาตพยาบาทว่า "เมื่อวานเจอมันก็ไม่ได้อะไร วันนี้เจอมันอีกครั้งก็ซวยไม่เลิก จะต้องยุให้สุนัขไล่กัดมันเสียให้เข็ด"...พร้อมกันนั้นก็ปรบมือให้สัญญาณแก่เหล่าสุนัขล่าเนื้อให้เกิดความฮึกเหิม พร้อมตะโกนเสียงดังๆว่า "ไล่กัดมันเลย ไล่กัดมันเลย"...



บรรดาสุนัขเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายให้สัญญาณต่างก็วิ่งแยกเขี้ยวเข้าหาพระในทันที พระเห็นสุนัขวิ่งมามุ่งร้ายต่อตนก็นึกถึงหลวงพ่อโกยวัดหน้าตั้ง...แลซ้ายแลขวา เห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง นึกถึงต้นไม้ สะระณัง คัจฉามิ มีต้นไม้เป็นที่พึ่งแล้ว จึงรีบปีนขึ้นต้นไม้ นั่งห้อยขาพักเหนื่อยอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่กิ่งหนึ่ง พวกสุนัขก็วิ่งไล่กระโดดกัด กัดอย่างไรก็ไม่ถึง จึงพากันยืนเห่าอยู่ใต้ต้นไม้...นายพรานวิ่งตามสุนัขมา เห็นพวกมันยืนเห่าอยู่ใต้ต้นไม้ พอแหงนดูข้างบนเห็นพระนั่งห้อยขาอยู่ นึกไปนึกมาไม่สมใจแค้นที่พระไม่ถูกสุนัขรุมกัด จึงคว้าเอาลูกศรทิ่มตรงฝ่าเท้าของพระให้ได้รับความเจ็บปวดทรมาน พระก็สลับเท้าซ้ายขวา นายพรานก็ทิ่มสลับข้างซ้ายขวา พระได้รับความทุกข์ทรมานเจ็บปวดอย่างมาก เผลอสติปล่อยจีวรที่ห่มหล่นลงมาข้างล่าง คลุมที่ตัวนายพรานพอดี  ฝูงสุนัขเข้าใจว่าเป็นพระร่วงลงมาจากต้นไม้ จึงพากันรุมเข้าไปกัดนายของตนเองจนตาย พระมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดธรรมสังเวช หาทางลงจากต้นไม้ มองดูฝูงสุนัขที่ยืนดูซากศพของนายพรานที่จีวรคลุมอยู่ จึงหักกิ่งไม้โยนลงไปไล่ฝูงสุนัข ฝูงสุนัขแหงนดูข้างบนต้นไม้เห็นพระยังอยู่ รู้ว่าคนที่พวกมันรุมกัดคือเจ้านายของตนเอง จึงพากันวิ่งหนี...

คติธรรมนำชีวิต
ผู้ใดทำร้ายหรือให้ร้าย
ผู้ไม่มุ่งร้ายใคร  ผู้มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์
ผู้นั้นมักจะได้รับผลกรรมทันตาเห็น
เช่นเดียวกับนายพรานใจโฉด

ที่มา : หนังสือชื่อ 22 เรื่องประเทืองปัญญา โดย ทิวากราภัทท์

นำเสนอโดย :
http://dharmaishere.blogspot.com
https://www.facebook.com/kanlakraung1.sport
https://www.facebook.com/kanlakraung1.story

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น