จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

ทำกรรมฐาน...ต้องมีเป้าหมาย...!!!

          หลวงพ่อพระราชพรหมยาน...ท่านได้เทศนาสอน แนะนำถึง จุดจบหรือเป้าหมาย ของการทำกรรมฐาน หลวงพ่อท่านบอกว่า ถ้ากรรมฐานที่เราปฏิบัติกันอยู่ไม่รู้จุดจบมันก็ไม่ใช่ แล้วจะกลายเป็นเหนื่อยเปล่า เพราะมันได้น้อยเกินไป เปรียบไปว่าเหมือนการค้าที่ต้องลงทุนแล้วได้กำไรเพียงนิดเดียว...

- พระโสดาบัน ต้องเอาให้ได้ หลวงพ่อท่านบอกว่าอย่างนั้น แล้วเทศน์ต่อว่า คำว่าพระโสดาบันที่บอกต้องเอาให้ได้ ถามว่าเอาอย่างไร จะเป็นหรือไม่เป็นพระโสดาบันยังไงก็ช่าง เราไม่ได้รอพระพุทธเจ้าพยากรณ์ เราก็ต้องดูลีลาของพระโสดาบัน ว่าพระโสดาบันท่านทำยังไง เราก็ทำตามท่าน พระโสดาบันท่านทรงอารมณ์อย่างนั้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราทรงไม่ได้ เราก็ทรงวันละ 3 ชั่วโมง สรุปว่าวันหนึ่งเราเป็นพระโสดาบัน 3 ชั่วโมง พระโสดาบันจริงๆไม่ยากเลย การปฏิบัติของทุกคนมุ่งเข้าหากฏของพระโสดาบันทันทีนะ อย่าเป๋ไปเป๋มา ต้องถืออารมณ์ ไม่ใช่สมาธิอย่างเดียว ต้องใช้อารมณ์ใจ
ด้วย...อารมณ์ใจก็คือ...




1. สักกายทิฏฐิ  เราต้องตัด สักกายทิฏฐิ เพียงแต่ว่าตัดเบาๆ อย่าตัดแรง เพราะว่าการตัดกิเลสมีจุดเดียวคือ สักกายทิฏฐิ พระโสดาบันก็ตัดตรงนี้ พระสกิทาคามีก็ตัดตรงนี้ พระอนาคามีก็ตัดตรงนี้ พระอรหันต์ก็ตัดตรงนี้ ตัดที่เดียว เราก็มาตัดอย่างพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี สองประเภทนี้ตัดเหมือนกัน...คือ เรามีความรู้สึกต้องบังคับอารมณ์มัน อารมณ์ของเรามีความเมา คิดว่าร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเรา เรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเรา อันนี้หลงกันอยู่ตลอดเวลา เป็นธรรมดาของคนเรา ก็ต้องตัดความรู้สึกว่าร่างกายนี้มันจะเป็นเราหรือไม่เป็นเราก็ช่างหัวมัน แต่เมื่อเราอาศัยอยู่ในร่างกายเราก็ต้องจำไว้ว่าร่างกายนี้เราอาศัยได้ไม่นานนัก ไม่ช้ามันก็ตาย ให้ถือว่าการตายของร่างกายเป็นธรรมดาของคนและสัตว์ที่เกิดมาในโลก สักวันหนึ่งข้างหน้ามันต้องตายกันแน่ คิดอย่างนี้นะ จะได้ไม่ตายเปล่า เกิดมาแล้วอย่าเป็นคนไร้ประโยชน์...

2. วิจิกิจฉา  คนธรรมดามีความสงสัยในความดีของพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ อันนี้เราไม่เอาละ....พระโสดาบันท่านไม่สงสัย ท่านมีความเชื่อด้วยความจริงใจ ว่าพระพุทธเจ้าดี พระธรรมดี พระอริยสงฆ์ดี แล้วก็หันใจเข้ามาเชื่อตามพระโสดาบัน ต้องเลือกเชื่อเหมือนกัน พระสงฆ์นี่ก็มีหลายประเภท ประเภทที่เรียกว่าบวชเข้ามาเฉยๆ  บวชลับบวชลี้ บวชหนีสงสาร บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อน เป็นต้น...รวมความว่า พระที่บวชเข้ามาในตอนต้นท่านเรียกว่า "สมมุติสงฆ์" อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้ายังไม่ยอมรับว่าเป็นพระ พระประเภทนี้เราต้องเลือกท่าน ดูว่าจริยาองค์ไหนดีพอสมควร ควรยอมรับนับถือได้ เราก็ยอมรับนับถือ ถ้าจริยาไม่ดี ไม่ควรยอมรับนับถือ เราก็เฉยเสีย ไม่ใช่ด่า แต่เฉย ไม่สนใจ ทีนี้พระที่เรายึดได้จริงๆก็ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป...คำว่าพระโสดาบันขึ้นไป ท่านไม่มีเครื่องหมายพระอริยเจ้า ถ้าไปถามเข้ายิ่งเละไปใหญ่เลย ถามว่าพระคุณเจ้าบรรลุอะไร เป๋เลย เสร็จ!...เดี๋ยวก็ฉุดเข้าป่าเข้าดงไป ถ้าองค์ไหนบอกว่าฉันเป็นพระโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ องค์นั้นไม่ต้องไล่ก็ได้ ไม่ใช่พระแล้ว เลิกกัน ถ้าพระอริยเจ้าเขาไม่อวดตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งเป็นพระโสดาบันเขารู้ว่าเขาแย่ เพราะยังไม่ได้นิพพาน ไม่เป็นเรื่อง ไม่เห็นอะไรดีเลย....รวมความว่า เราก็ต้องตั้งใจยอมรับนับถือพระที่ทรงอารมณ์จริง คือท่านไม่ละเมิดพระธรรมวินัย ไม่คัดค้านคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ตายแล้วมีสภาพไม่สูญ ถ้าจิตเราเป็นกุศลไปสู่สุคติ จิตเป็นอกุศลไปสู่ทุคติ ถ้ายังไม่หมดกิเลสต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ นี่พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ถ้าใครเขาค้านคำนี้แสดงว่าคนนั้นไม่ใช่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ตามเขาเราก็เจ๊ง ก็เป็นอันว่า เรายอมรับนับถือพระพุทธเจ้าจริง คำพูดที่ไม่เป็นภัยกับใคร นี่คือพระธรรมของพระพุทธเจ้าจริง พระสงฆ์ที่ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า คือ ยอมรับนับถือกฏของกรรมจริง เราไม่สงสัย อันนี้ได้ข้อที่ 2

3. สีลพตปรามาส คือ ทรงศีลให้บริสุทธิ์  สำหรับศีลนี่ทุกคนมีแล้ว ทุกคนมีศีลอยู่แล้ว ตัวที่เราไม่ขาดมันมีประจำอยู่แล้วนะ มีอยู่แล้วทุกคน ตัวที่เราไม่ละเมิด แต่ว่ามีบางสิกขาบทที่เราละเมิด บางครั้งเราละเมิดจริงจัง บางครั้งละเมิดเผลอๆ ก็ค่อยๆยับยั้งตัวที่เราคอยละเมิดอยู่นี่ ตั้งใจไว้อย่างนี้ซิ

          จะเห็นว่าองค์หลวงพ่อท่านได้แนะแนวทางให้กับนักปฏิบัติทั้งหลาย เพื่อเอาไว้ใช้เป็นหลัก...ไม่ใช่สักแต่ว่าทำกันไป โดยขาด เป้าหมายที่แน่นอนของการเจริญพระกรรมฐาน ผู้เขียนซึ่งนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพียงแต่หวังว่า เหล่ากัลยาณมิตรทั้งหลาย จะได้นำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อมุ่งหน้าตรงถึงพระนิพพานอันเป็นที่สุดของพวกเราทั้งหลาย...!!!

ที่มา : หนังสือ "คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง 21"

นำเสนอโดย :
http://dharmaishere.blogspot.com
https://www.facebook.com/kanlakraung1.sport
https://www.facebook.com/kanlakraung1.story


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น